mailto:ads@thaiinnovation.center mailto:ads@thaiinnovation.center
THAI INNOVATION CENTER
  • HOME
  • ข่าวเทคโนโลยี
  • นวัตกรรมโดยคนไทย
    • นวัตกรรมอุตสหกรรม
    • นวัตกรรมพลังงาน
    • นวัตกรรมด้านเกษตร
    • นวัตกรรมด้านสุขภาพ
    • นวัตกรรมด้านขนส่ง
    • นวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อม
  • 5G ในประเทศไทย
    AIS-ZTE ทดสอบ URLLC โชว์ความหน่วงต่ำ 1 มิลลิวินาทีบนเครือข่าย 5G คลื่น 2.6 GHz รายแรกในไทย

    AIS-ZTE ทดสอบ URLLC โชว์ความหน่วงต่ำ 1 มิลลิวินาทีบนเครือข่าย 5G คลื่น 2.6 GHz รายแรกในไทย

    “อินเทล” ชวนปลดล็อก 4 ความเชื่อและความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับ 5G

    “อินเทล” ชวนปลดล็อก 4 ความเชื่อและความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับ 5G

    AIS พัฒนาความเร็วของ “5G mmWave” ได้ถึงระดับความเร็วที่ 4 Gbps รายแรกในไทย

    AIS พัฒนาความเร็วของ “5G mmWave” ได้ถึงระดับความเร็วที่ 4 Gbps รายแรกในไทย

    Ericsson พัฒนาโครงข่าย 5G ให้กับ DTAC

    Ericsson พัฒนาโครงข่าย 5G ให้กับ DTAC

    5G NR Physical Cell ID (PCI)

    5G NR Physical Cell ID (PCI)

    5G Network Slicing

    5G Network Slicing

    5G กับการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนไป

    5G กับการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนไป

    ตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพหลักของเทคโนโลยี 5G (KPI)

    ตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพหลักของเทคโนโลยี 5G (KPI)

    ส่วนประกอบสำหรับมือถือที่รองรับ 5G

    ส่วนประกอบสำหรับมือถือที่รองรับ 5G

    ในประเทศไทยใช้คลื่นอะไรบ้างสำหรับ5G

    ในประเทศไทยใช้คลื่นอะไรบ้างสำหรับ5G

  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
  • HOME
  • ข่าวเทคโนโลยี
  • นวัตกรรมโดยคนไทย
    • นวัตกรรมอุตสหกรรม
    • นวัตกรรมพลังงาน
    • นวัตกรรมด้านเกษตร
    • นวัตกรรมด้านสุขภาพ
    • นวัตกรรมด้านขนส่ง
    • นวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อม
  • 5G ในประเทศไทย
    AIS-ZTE ทดสอบ URLLC โชว์ความหน่วงต่ำ 1 มิลลิวินาทีบนเครือข่าย 5G คลื่น 2.6 GHz รายแรกในไทย

    AIS-ZTE ทดสอบ URLLC โชว์ความหน่วงต่ำ 1 มิลลิวินาทีบนเครือข่าย 5G คลื่น 2.6 GHz รายแรกในไทย

    “อินเทล” ชวนปลดล็อก 4 ความเชื่อและความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับ 5G

    “อินเทล” ชวนปลดล็อก 4 ความเชื่อและความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับ 5G

    AIS พัฒนาความเร็วของ “5G mmWave” ได้ถึงระดับความเร็วที่ 4 Gbps รายแรกในไทย

    AIS พัฒนาความเร็วของ “5G mmWave” ได้ถึงระดับความเร็วที่ 4 Gbps รายแรกในไทย

    Ericsson พัฒนาโครงข่าย 5G ให้กับ DTAC

    Ericsson พัฒนาโครงข่าย 5G ให้กับ DTAC

    5G NR Physical Cell ID (PCI)

    5G NR Physical Cell ID (PCI)

    5G Network Slicing

    5G Network Slicing

    5G กับการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนไป

    5G กับการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนไป

    ตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพหลักของเทคโนโลยี 5G (KPI)

    ตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพหลักของเทคโนโลยี 5G (KPI)

    ส่วนประกอบสำหรับมือถือที่รองรับ 5G

    ส่วนประกอบสำหรับมือถือที่รองรับ 5G

    ในประเทศไทยใช้คลื่นอะไรบ้างสำหรับ5G

    ในประเทศไทยใช้คลื่นอะไรบ้างสำหรับ5G

  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
TIC
No Result
View All Result
NIA เผย 7 เทรนด์นวัตกรรมที่น่าจับตามองในปี 2566

NIA เผย 7 เทรนด์นวัตกรรมที่น่าจับตามองในปี 2566

0

          สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) เปิดข้อมูล 7 เทรนด์นวัตกรรม ปี 2566 ที่สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับไทยและในระดับโลก พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็น “ประเทศแห่งนวัตกรรม” และติดอันดับ 1 ใน 30 ของประเทศที่มีความสามารถด้านนวัตกรรมของโลก ภายในปี 2573 ด้วยการเร่งปั้นสตาร์ตอัปและผู้ประกอบการด้านนวัตกรรม 

         พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ NIA เปิดเผยว่า NIA ในฐานะหน่วยงานสนับสนุนการสร้างระบบนวัตกรรมของประเทศ พร้อมส่งเสริมการสร้างระบบนวัตกรรมแห่งชาติที่เข้มแข็งภายใต้ 4 กลยุทธ์ ได้แก่ พัฒนาระบบนวัตกรรมไทยเป็นระบบที่เปิดกว้าง พลิกโฉมระบบการเงินนวัตกรรมไทย สร้างระบบข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรม และองค์กรสมรรถนะสูงที่พร้อมต่อความเปลี่ยนแปลง 

ซึ่งพบว่าในปี 2566 มี 7 เทรนด์นวัตกรรมที่สามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ได้แก่ 

1. ขาขึ้นของเทคโนโลยีใหม่ด้านพลังงาน (New energytech on the rise) 

       โดยเปลี่ยนจากการใช้พลังงานปิโตรเลียมเป็นพลังงานหมุนเวียน เช่น ระบบกักเก็บพลังงานแสงอาทิตย์แบบเข้มข้นที่สำคัญต่อการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนในอนาคตก็คือ ระบบสำรองพลังงานประสิทธิภาพสูง เช่น การสำรองไฟฟ้าสำหรับระบบโครงข่ายพลังงาน , เทคโนโลยีสำรองไฟฟ้าแบบวัสดุลิเธียมไอออนขั้นสูง, ระบบแบตเตอรี่ทางเลือกเป็นต้น

2. การฟื้นสร้างอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอากาศยาน (Regenerating travel and aviation industries)

        แม้ว่าการเปิดประเทศภายหลังวิกฤตการณ์โควิด-19 ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอีกครั้ง แต่รูปแบบการเดินทางและท่องเที่ยวมีการปรับเปลี่ยนไป ผู้ประกอบการจึงต้องพัฒนาการท่องเที่ยวให้ตอบโจทย์ความยั่งยืนด้วยนวัตกรรม ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้ตั้งแต่การพัฒนารูปแบบตลาดที่ลดการพึ่งพิงนักท่องเที่ยวต่างชาติ การอำนวยความสะดวกและการสร้างประสบการณ์ใหม่ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล การบริหารจัดการที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ การท่องเที่ยวกับเชื่อมโยงกับประสบการณ์ชุมชน รวมถึงการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่อย่าง Workation หรือ Staycation ในด้านธุรกิจการบินก็ต้องนำนัวตกรรมเข้ามาช่วยบริหารจัดการปัญหาการขาดแคลนบุคลากรและทรัพยากรในห่วงโซ่ การให้บริการที่ลดการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการพัฒนาและบริหารจัดการเชื้อเพลิงสำหรับอากาศยานอย่างมีประสิทธิภาพ

3. ผู้เล่นใหม่จากวงการเทคโนโลยีเชิงลึก (Deeptech startup , a new comers)

         เป็นคำตอบของการพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่จะช่วยแก้ไขปัญหาสำคัญของโลก โดยเป็นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีความซับซ้อน ยากต่อการเลียนแบบ จึงสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันบนฐานของทรัพย์สินทางปัญญา สามารถผลักดันธุรกิจให้ขยาย สร้างตลาดใหม่ได้ในระดับนานาชาติได้ อีกทั้งยังได้รับความสนใจจากผู้ใช้หรือนักลงทุนทั้งในกลุ่มเกษตร อาหาร อวกาศ เทคโนโลยีเสมือนจริง เซนเซอร์ ฯลฯ 

         เนื่องจากเป็นผู้ที่สร้างความแตกต่างให้กับวงการเหล่านั้น ทั้งนี้ พบว่าการระดมทุนของธุรกิจดีพเทคเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากตั้งแต่ในปี 2561 ถึง 2565 จาก 15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 60 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยกลุ่มตัวอย่างของนวัตกรรม เช่น ผลิตภัณฑ์ของ Apple , วัคซีนโควิด-19 , รถไฟฟ้า Tesla ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต่างเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงพลังของดีพเทคที่อาจจะเป็นคลื่นลูกที่ 4 ในการปฏิวัติวงการอุตสาหกรรม

4. การกลับมาผงาดอีกครั้งของญี่ปุ่นด้วยซอฟต์พาวเวอร์ (Return of Japan Soft Power)

         ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความโดดเด่นในการใช้ซอฟต์พาวเวอร์มาขับเคลื่อนเศรษบกิจตั้งแตอดีต ซึ่งไม่ได้เป็นแค่การเติบโตอุตสาหกรรม แต่ยังเป็นการสร้างการรับรู้ในกับประเทศไทยเวทีสากล เช่น การนำซอฟต์พาวเวอร์มากระตุ้นและใช้งานผานกิจกรรมโอลิมปิก 2020 โดยนำจุดเด่นของ MAG culture (หนังสือการ์ตูน , มังงะ , อนิเมะ ,เกม และตัวละครอย่างมาริโอ้ โปเกมอน หรือโดราเอมอน มาใช้ประโยชน์ในการสื่อสารและเชื่อมโยงกับผู้คน

          ส่วนประเทศไทยภาครัฐได้มีแนวทางการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ภายใต้กรอบ 5F ได้แก่ Food (อาหาร) Film (ภาพยนตร์และวีดิทัศน์) Fashion (ผ้าไทยและการออกแบบแฟชั่น) Fighting (ศิลปะการต่อสู้-มวยไทย) และงานเทศกาล (Festival) โดยนวัตกรรมที่คาดว่าจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อน 5F ของไทยที่เห็นได้ชัดคือ NFT (Non-fungible Token) โดยเฉพาะในตลาดนักสะสมของหายาก และเป็นช่องทางสำหรับศิลปินและผู้ผลิตผลงานศิลป์หน้าใหม่ ทำให้ระบบนิเวศของผลงานสร้างสรรค์ไทยเติบโตและผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ไทยให้เข้มแข็ง 

5. ปัญญาประดิษฐ์ที่สร้างสรรค์เนื้อหาจากข้อมูล (Sophisticated AI for data driven content creation)

          ดิจิทัลปฏิวัติภูมิทัศน์สื่อในเกิดการเปลี่ยนแปลงการเข้าถึงผู้คน และเปิดทางให้กับ “คอนเทนต์ครีเอเตอร์” หลายล้านคนเข้ามาสร้างพื้นที่เศรษฐกิจสื่อรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Creator Economy โดยเฉพาะผู้สร้างที่เป็นปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่ปัจจุบันสามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่มนุษย์ได้ออกแบบ-สอน ไว้ในการสร้างไอเดียและเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างคอนเทนท์ที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนในระดับปัจเจกมากขึ้น โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 56.5 เมื่อเทียบกับการใช้งาน AI ในด้านอื่น

          นอกจากนี้ AI ยังมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมบันเทิงในมิติอื่น เช่น Virtual Influencer ที่สามารถควบคุมและกำหนดทิศทางในการสื่อสารได้ง่ายกว่าการใช้มนุษย์ มีหน้าตาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ บุคลิกภาพโดดเด่นดึงดูดสายตาไม่ต่างจากนางแบบที่เป็นมนุษย์จริง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการรักษาภาพลักษณ์และลดต้นทุนของแบรนด์ได้ด้วย

6. เข้าสู่ยุคใหม่ของเทคโนโลยีอาหาร (Next generation of foodtech)

          การเพิ่มขึ้นของประชากรโลก พฤติกรรมการบริโภคที่เน้นอาหารเพื่อสุขภาพและอาหารที่มีกระบวนการผลิตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้เทคโนโลยีชีวภาพมีส่วนสำคัญที่จะช่วยแก้ปัญหาทรัพยากรอาหารที่มีอยู่อย่างจำกัด รวมถึงเข้ามาเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมอาหาร ต่อยอดกระบวนการผลิตอาหารให้ตอบโจทย์การลดภาวะโลกร้อนไปพร้อมกับการสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนต่อโลก เช่น เนื้อที่ทำจากพืช (Plant-based Meat) , เนื้อสัตว์ที่เพาะในห้องแล็บ , อาหารจากเครื้องปริ้นสามมิติ , อาหารเสสริมที่เพิ่มภูมิคุ้มกัน อาหารที่มีประโยชน์และคุณภาพ 

          โดยมีการคาดการณ์ว่าตลาดอาหารแห่งอนาคตของโลกในปี 2568 จะมีมูลค่าถึง 0.31 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัวเพิ่มร้อยละ 51 เมื่อเทียบกับปี 2563

7.การลงทุนขนานใหญ่ในเทคโนโลยีความมั่นคง (Hyper Spendin on Defense Tech) 

           การพัฒนาเทคโนโลยีทางการทหารเป็นสิ่งที่หลายประเทศให้ความสำคัญเพื่อประโยชน์ด้านความมั่นคงและทางเศรษฐกิจ เช่น การเตรียมความพร้อมยุทโธปกรณ์และความมั่นคงข่าวสารทำให้เกิดการลงทุนด้านนวัตกรรมทางการทหารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย รัสเซีย และสหราชอาณาจักรที่มีการใช้จ่ายงบประมาณด้านนี้สูงสุด

           ส่วนนวัตกรรมที่มีความสำคัญได้แก่ การพัฒนาเทคโนโลยีด้านไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ระบบการบินเหนือเสียง หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ปัญญาประดิษฐ์ ความมั่นคงทางไซเบอร์ และอาวุธพลังงานสูง

           อย่างไรก็ตามประเทศไทยก็ยังมีนโยบายต่างๆผลักดันให้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีป้องกันประเทศเป็น S-Curve ตัวที่ 11 โดยเน้นส่งเสริมและวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีสองทาง (Dual-use) ที่สามารถนำมาใช้งานได้ทั้งภารกิจด้านความมั่นคงและสำหรับภาคพลเรือนทั่วไปเชิงพาณิชย์

ซึ่งในปี 2566 นี้ NIA จะส่งเสริมนวัตกรรมภายใต้กลยุทธ์การดำเนินงานระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) โดยแบ่งเป็น 4 กลยุทธ์ ได้แก่ 

  1. พัฒนาระบบนวัตกรรมไทยเป็นระบบที่เปิดกว้างเชื่อมโยงความร่วมมือทั้งในระดับประเทศและระดับเวทีสากล สร้างโอกาสการเข้าถึงทรัพยากรและการสนับสนุนอย่างทั่วถึง เพื่อเพิ่มจำนวนธุรกิจนวัตกรรมที่มีศักยภาพในการสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อประเทศ 

  2. พลิกโฉมระบบการเงินนวัตกรรมไทย ผ่านการเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เกิดระบบการเงินนวัตกรรมที่เอื้อต่อการพัฒนานวัตกรรม สนับสนุนการเติบโต และเข้าถึงได้ ช่วยให้ธุรกิจนวัตกรรมสามารถเติบโตและมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ

  3. สร้างระบบข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรม สร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายและเชิงระบบด้วยการเชื่อมโยงและใช้ประโยชน์เครือข่ายข้อมูลนวัตกรรม เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจบนหลักฐานเชิงประจักษ์ของนักนโยบายและผู้ประกอบการในการสร้างและพัฒนานวัตกรรม

  4. ยกระดับ NIA ให้เป็นองค์กรสมรรถนะสูงที่พร้อมต่อความเปลี่ยนแปลงระบบนวัตกรรม และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยการปรับเปลี่ยนสู่องค์กรดิจิทัล ปรับใช้มาตรฐานการบริหารจัดการ และการพัฒนาศักยภาพบุคลากร

          คาดการณ์ว่าปี 2566 ประเทศไทยจะมีความก้าวหน้าทางนวัตกรรมที่ดีขึ้น โดยเฉพาะมิติด้านเทคโนโลยีเชิงลึก และการท่องเที่ยว โดยคาดว่าผลการจัดอันดับนวัตกรรมโลกยังมีโอกาสก้าวไปสู่อันดับที่ดีขึ้นจากปัจจุบันที่อยู่ในอันดับ 43 โดยมีปัจจัยส่งเสริมคือ กลุ่มปัจจัยด้านระบบธุรกิจโดยเฉพาะสัดส่วนค่าใช้จ่ายมวลรวมด้านวิจัยและพัฒนาที่ลงทุนโดยองค์กรธุรกิจ (อันดับ 1 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3) ซึ่งสะท้อนให้เห็นการลงทุนของภาคเอกชนไทยที่มุ่งเน้นเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจด้วยการพัฒนานวัตกรรมมากขึ้น และกลุ่มปัจจัยผลผลิตจากความคิดสร้างสรรค์ที่ภาพรวมปรับตัวดีขึ้น 6 อันดับ (อันดับที่ 49) โดยมีจุดแข็งด้านการส่งออกสินค้าและบริการเชิงสร้างสรรค์ (อันดับที่ 1) นอกจากนี้ ปัจจัยด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยขยายตัวได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่น การเปิดพื้นที่ทดลองธุรกิจสำหรับภาคเอกชน โครงการสนับสนุนจากภาครัฐ รวมถึงการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตลอดจนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่หันมาสนใจอาชีพและธุรกิจนวัตกรรม ซึ่ง NIA พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยขับเคลื่อนให้ทุกเป้าหมายก้าวไปสู่เวทีนานาชาติ

 
ShareTweetShare
Previous Post

สทน.เปิดตัว “ไทยโทคาแมค-1” เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิวชัน เครื่องแรกของไทย

Next Post

AIS-ZTE ทดสอบ URLLC โชว์ความหน่วงต่ำ 1 มิลลิวินาทีบนเครือข่าย 5G คลื่น 2.6 GHz รายแรกในไทย

Wanwisa Chanpraprai

Wanwisa Chanpraprai

Related Posts

วช. ขนทัพสิ่งประดิษฐ์ของไทยและนานาชาติ ประชันกว่า 1,000 ผลงาน ในงาน “วันนักประดิษฐ์ 2566”
News

วช. ขนทัพสิ่งประดิษฐ์ของไทยและนานาชาติ ประชันกว่า 1,000 ผลงาน ในงาน “วันนักประดิษฐ์ 2566”

2 months ago
8
นักบินอวกาศญี่ปุ่นทดลอง 2 ไอเดียเยาวชนไทยบนสถานีอวกาศนานาชาติ
Science

นักบินอวกาศญี่ปุ่นทดลอง 2 ไอเดียเยาวชนไทยบนสถานีอวกาศนานาชาติ

2 months ago
12
สวทช. เร่งปั้นโมเดล NSTDA Core Business ผลิตนวัตกรรมส่งออกทั้งในและต่างประเทศ
Innovation

สวทช. เร่งปั้นโมเดล NSTDA Core Business ผลิตนวัตกรรมส่งออกทั้งในและต่างประเทศ

2 months ago
16
ทรู ดิจิทัล เปิดตัว “ดาต้าไวเซอร์” สมองกลอัจฉริยะ ยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลแบบองค์รวม
News

ทรู ดิจิทัล เปิดตัว “ดาต้าไวเซอร์” สมองกลอัจฉริยะ ยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลแบบองค์รวม

4 months ago
7
Load More
Next Post
AIS-ZTE ทดสอบ URLLC โชว์ความหน่วงต่ำ 1 มิลลิวินาทีบนเครือข่าย 5G คลื่น 2.6 GHz รายแรกในไทย

AIS-ZTE ทดสอบ URLLC โชว์ความหน่วงต่ำ 1 มิลลิวินาทีบนเครือข่าย 5G คลื่น 2.6 GHz รายแรกในไทย

นวัตกรรมการแพทย์ฝีมือคนไทย  “วีลแชร์ยืนได้” และ  “เครื่องยกและเคลื่อนย้ายผู้ป่วย”

นวัตกรรมการแพทย์ฝีมือคนไทย “วีลแชร์ยืนได้” และ “เครื่องยกและเคลื่อนย้ายผู้ป่วย”

Discussion about this post

Popular Post

  • Thai School Lunch

    Thai School Lunch ระบบแนะนำเมนูอาหารเที่ยงสำหรับโรงเรียนแบบอัตโนมัติ

    56 shares
    Share 22 Tweet 14
  • 15 คำศัพท์เทคโนโลยี 2020 ! TECH BUZZWORDS

    53 shares
    Share 21 Tweet 13
  • Z-SIZE LADIES II: BMI TIMELINE & โปรแกรมจําลองรูปร่างของสตรี แบบ 3 มิติ

    49 shares
    Share 20 Tweet 12
  • ความแตกต่างของ Stand Alone และ Non-Standalone 5G

    44 shares
    Share 18 Tweet 11
  • รู้หรือยัง iPhone ก็มี Code ลับ สำหรับดูสัญญาณโทรศัพท์

    44 shares
    Share 18 Tweet 11

Browse by Tag

Innovation นวัตกรรมการเกษตร

เครื่องจมูกอิเล็กทรอนิกส์ นวัตกรรมตรวจวิเคราะห์กลิ่นดิจิทัลฝีมือคนไทย

February 23, 2023
8

ชุดทดสอบสารปนเปื้อนยาฆ่าแมลงในน้ำ นวัตกรรมเพื่อเกษตรยั่งยืนและปลอดภัย

February 22, 2023
10

SCG จับมือ SC ดันนวัตกรรมเติมอากาศดีให้บ้าน ผลักดันยอดขาย 100 ล้านบาท

February 22, 2023
15

นวัตกรรมหอมแดงอบแห้งพร้อมใช้ พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มนำส่วนเหลือทิ้งผลิตเครื่องสำอางและเวชภัณฑ์

February 21, 2023
10

จุฬาฯ เปิดตัวนวัตกรรม “ถุงมือพาร์กินสันลดสั่น” ลดอาการมือสั่นได้โดยอัตโนมัติ

February 21, 2023
10
No Result
View All Result
  • HOME
  • ข่าวเทคโนโลยี
  • นวัตกรรมโดยคนไทย
    • นวัตกรรมอุตสหกรรม
    • นวัตกรรมพลังงาน
    • นวัตกรรมด้านเกษตร
    • นวัตกรรมด้านสุขภาพ
    • นวัตกรรมด้านขนส่ง
    • นวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อม
  • 5G ในประเทศไทย
  • ติดต่อเรา

© 2020 TIC - ศูนย์รวมนวัตกรรมคนไทยเพื่อคนไทย by Thai innovation TIC.