นักวิจัย ม.แม่โจ้ พัฒนา “ชุดระบบดักจับและควบคุมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์” ต่อยอดกับอุตสาหกรรมผลิตเอทานอล เพื่อนำก๊าซคาร์บอนฯ มาเลี้ยงสาหร่ายสไปรูลินาในฟาร์มต้นแบบ ช่วยลดต้นทุนสารอาหารได้มากกว่า 30% พร้อมลดภาวะการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรม
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_webp,q_glossy,ret_img,w_1024,h_683/https://thaiinnovation.center/wp-content/uploads/2022/02/4ae87afc596a1fe1b4ee531dd95be72fd36e00eebd905e8267d849d300dfa5aa-1024x683.jpg)
รองศาสตราจารย์ ดร.สมเกียรติ จตุรงค์ล้ำเลิศ อาจารย์ประจำสาขาวิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรมวิจัย มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เผยว่า โดยปกติแล้ว ในกระบวนการผลิตเอทานอล จะเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ปล่อยลอยขึ้นสู่ชั้นอากาศ กระทบต่อภาวะโรคร้อน และ PM 2.5 โดยไม่มีเทคโนโลยีดักจับหรือนำไปใช้ประโยชน์ นักวิจัยจึงได้พัฒนาชุดระบบดักจับและควบคุมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จนสำเร็จ เป็นที่ต้องการของบริษัท มิตรผล ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายรายใหญ่ของประเทศ เพื่อนำไปต่อยอดกับกับอุตสาหกรรมผลิตเอทานอล ซึ่งเป็นเครือข่ายลูกของอุตสาหกรรมน้ำตาลทราย ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.) และบริษัท มิตรผล ไบโอฟูเอล จำกัด พร้อมได้รับการจดทะเบียนสิทธิบัตรผลงานเรียบร้อยแล้ว
การนำเทคโนโลยีดักจับและควบคุมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากอุตสาหกรรมผลิตเอทานอล มาใช้เพาะเลี้ยงสาหร่ายสไปรูลินาในระบบฟาร์มสาหร่ายอัจฉริยะที่พัฒนาไว้แล้วก่อนหน้า สามารถดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีระดับความเข้มข้นและปริมาณปล่อยที่ไม่คงที่ได้ โดยปกติความเข้มข้นจะอยู่ที่ 50- 60% และสามารถโปรแกรมควบคุมความเข้มข้นและปริมาณได้ตามต้องการ เช่น ทั้งในระบบแบบจ่ายตรง (Direct) ในรูปก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 10% 20 ลิตรต่อนาที และในระบบทางอ้อม (Indirect or Carbonator) ในรูปสารละลายเข้มข้น (Stock solution) ที่มีค่าไบคาร์บอเนตเท่ากับ 9,700 mg/L pH 8.45 เป็นต้น อีกทั้ง ความคุ้มค่าในเชิงเศรษฐศาสตร์หากมีการลงทุนขยายการผลิตระบบฟาร์มฯโดยใช้เทคโนโลยีใหม่นี้เพิ่มเป็น 20 เท่า จะมีจุดคุ้มทุนอยู่เพียง 2.59 ปี
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_webp,q_glossy,ret_img,w_768,h_576/https://thaiinnovation.center/wp-content/uploads/2022/02/88a87c0949fa6997c4dba11e9f060a89855ccfc955ef20ebdad389ec6618a094.jpg)
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_webp,q_glossy,ret_img,w_768,h_512/https://thaiinnovation.center/wp-content/uploads/2022/02/65d91148910f74efe3613500c857241af1a1fe69e64c36101b8de6179bc24785.jpg)
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เหลือทิ้งจากโรงงานผลิตเอทานอลเสมือนเป็นการจ่ายอาหารเสริม ให้สามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตสาหร่ายสไปรูลินาได้ 30% และคาดว่าจะเป็นการยกระดับกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมสาหร่ายสไปรูลินาให้มีมาตรฐานระดับสากล ทั้งกระบวนการผลิตอาหาร ระบบอาหารอินทรีย์ และระบบอาหารปลอดภัย รวมทั้งสามารถพัฒนาต่อยอดไปสู่ระบบตรวจสอบย้อนกลับได้ และสามารถลดต้นทุนการผลิตในส่วนของสารอาหารได้มากกว่า 30% จากเดิมที่มีค่ามากกว่า 60% ของกระบวนการผลิตทั้งหมด ด้านภาคอุตสาหกรรม ยังได้มีส่วนสนับสนุนในการลดภาวะโลกร้อนอีกด้วย โดยจากการประเมินผลกระทบภาวะโลกร้อนของระบบฟาร์มสาหร่ายฯ ที่ใช้เทคโนโลยีดังกล่าว มีค่าประสิทธิภาพการนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปใช้ประโยชน์เท่ากับ 57% โดยมีปริมาณการนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปใช้เท่ากับ 235.3 ลูกบาศก์เมตรต่อปี หรือ 463.5 x103 kg CO2 ต่อปี เมื่อใช้ขนาดบ่อ 18 ลูกบาศก์เมตร (พื้นที่รวม 200 ตารางเมตร)
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_webp,q_glossy,ret_img,w_768,h_512/https://thaiinnovation.center/wp-content/uploads/2022/02/14bbdd0e599b0137c1f45fbd3cf6342542ae5c7ad6dde3f76b9ec0d01672296c.jpg)
ทั้งนี้ ยังสามารถต่อยอดเทคโนโลยีดักจับและควบคุมคาร์บอนฯ ไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่มีการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ เช่น โรงไฟฟ้า โรงงานอุตสาหกรรมทางการเกษตร เป็นต้น เพื่อรองรับการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพบรรยากาศ
Discussion about this post