นักศึกษา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล คิดค้นบะหมี่กึ่งสําเร็จรูปเสริมไคโตซานจากเปลือกกุ้ง เพิ่มมูลค่าให้กับเปลือกกุ้งซึ่งเป็นผลพลอยได้จากอุตสาหกรรมประมง คว้า 2 รางวัล ในการแข่งขัน SCG Bangkok Business Challenge และ PTTEP Teenergy Innovation Challenge
ชัญญกัญญ์ สกุลบริสุทธิ์สุข นักศึกษาตัวแทนทีม จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ ม.มหิดล กล่าวถึงว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นอาหารที่คนไทยคุ้นเคยและหลายประเทศนิยมรับประทานมาอย่างยาวนาน เพราะราคาถูก ปรุงสะดวกรวดเร็ว อร่อย และมีหลากหลายรสชาติให้เลือก แต่หากทานในปริมาณที่มากต่อวันและต่อเนื่องกัน อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ เนื่องจากมีปริมาณโซเดียมสูง ทางทีมจึงคิดค้น นวัตกรรมบะหมี่กึ่งสําเร็จรูปเสริมคุณค่าทางโภชนาการจากเปลือกกุ้ง (Nutrient Rich Instant Noodle Fortified with Shrimp Shells) ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ในชื่อ ชริมพ์นี่ (Shrimpney) หรือพลิกโฉมเป็น Functional Food ด้วยการลดปริมาณโซเดียม และเสริม “สารสกัดไคโตซาน” จากเปลือกกุ้ง พร้อมกลิ่นรส อีกทั้งยังคงรสชาติที่อร่อยในราคาที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้
บะหมี่กึ่งสําเร็จรูปที่มีชื่อเรียกว่า ‘ชริมพ์นี่’ แตกต่างจากสินค้าบะหมี่ทั่วไปในตลาด เนื่องจากเป็นการนำสารสกัดไคโตซาน (Chitosan) จากเปลือกกุ้ง ซึ่งมีโครงสร้างเส้นใยธรรมชาติที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ดูดจับไขมันในเส้นทางเดินอาหารได้สูง 8-10 เท่าของน้ำหนักตัวมันเอง สามารถลดระดับไขมันในเลือดได้ และช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกิน ในด้านกระบวนการผลิตบะหมี่ กระบวนการผลิตใช้การอบแทนการทอด ใช้กลิ่นรสหอมอร่อยจากเปลือกกุ้ง เพื่อลดการใช้โซเดียมในการผลิตเส้น ช่วยลดโอกาสการเกิดปัญหาต่อสุขภาพที่จะตามมา โดยนวัตกรรมนี้มุ่งตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายหลักช่วงอายุตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยทำงาน รายได้ปานกลาง-สูง เป็นผู้ชื่นชอบการรับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และมองหาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เป็นทางเลือกสุขภาพ
นอกจากนี้ ประโยชน์จากการนำเปลือกกุ้งมาใช้เป็นส่วนประกอบหลักในบะหมี่ นั้นยังจะช่วยลดปริมาณขยะในทะเล ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของภาวะโลกร้อน ตอบโจทย์ Zero Waste และความยั่งยืนในสิ่งแวดล้อม (Sustainability) รวมทั้งสนับสนุนแนวทาง BCG เศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว โดยนำวัสดุเหลือใช้จากการเกษตรมาเพิ่มมูลค่าและพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารของไทย
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้รับสองรางวัลในการแข่งขัน SCG Bangkok Business Challenge และรางวัลจากการแข่งขัน PTTEP Teenergy Innovation Challenge งานวิจัยชิ้นนี้ใช้ระยะเวลาวิจัย 1 ปี
แม้ว่าเวลาของเพื่อนแต่ละคนไม่เท่ากัน แต่ทุกคนทุ่มเทและสละเวลาส่วนตัวมาศึกษาวิจัยร่วมกัน ออกไปศึกษาหาความรู้นอกห้องเรียน ฝึกทักษะพัฒนาตัวเองและการทำงานร่วมกันเป็นทีมจนทำให้งานวิจัยชิ้นนี้ออกมาเสร็จสมบูรณ์ เปิดโอกาสให้พลังคนรุ่นใหม่ได้ร่วมสร้างสรรค์ ‘ครัวไทยเป็นครัวโลกที่ดีต่อสุขภาพ’ อีกด้วย
Discussion about this post