DTAC จับมือ ‘ไดซิน-เนคเทค’ ยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ด้วยเทคโนโลยี 5G ต่อยอดเป็นต้นแบบ ดันไทยสู่ฮับซัพพลายเชนยานยนต์ในเอเชีย
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_webp,q_glossy,ret_img,w_768,h_512/https://thaiinnovation.center/wp-content/uploads/2021/12/d412013ae81e75cd6f5d4679efb9bb26ec110d1c71d03e6ad6f1b5fc36f0c9c5.jpeg)
นายธนินทร์ ลี้โกมลชัย ประธาน บริษัท ไดซิน จำกัด กล่าวว่า “จากผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่ทำมามากกว่า 42 ปี สู่การเผชิญหน้าวิกฤตโควิด-19 ในครั้งนี้ ทำให้เราเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติ ที่ต้องปรับตัวสู่โรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) โดยความร่วมมือกับเนคแทคและดีแทคเป็นก้าวแรกของเราที่นำ 5G มาแก้ปัญหา (Pain point) จากกระบวนการผลิตด้วย AGV (Automated Guided Vehicle) รถลำเลียงชิ้นส่วนในกระบวนการผลิตเดิมซึ่งไม่สามารถควบคุมการผลิตในแม่นยำ โดยเฉพาะการติดตามตำแหน่งทำให้เกิดการสูญเสียเวลาในการผลิต ทำให้เกิดต้นทุนในการขนส่งชิ้นส่วนภายในโรงงานที่ไม่ทำให้เกิดประโยชน์ และอาจจะทำให้เกิดอันตรายจากการขนส่งที่ไม่เหมาะสมอีกด้วย
ในกระบวนการผลิตไดซินได้นำ AGV หรือรถลำเลียงชิ้นส่วนซึ่งเป็นหัวใจหลักของกระบวนการผลิต ที่กำหนดเส้นทางการเคลื่อนที่และหยุดได้ด้วยแถบแม่เหล็กซึ่งมีผลต่อการผลิตได้ตามเป้าหมาย แต่ถ้าต้องการความแม่นยำและเพิ่มระบบติดตามแบบเรียลไทม์ รวมทั้งกำหนดเส้นทาง (mapping) อย่างแน่นอน AGV แบบเดิมไม่สามารถตอบโจทย์กระบวนการผลิตได้อีกต่อไป โดยเฉพาะยุคที่การแข่งขันสูงและต้องลดการสูญเสียเวลาซึ่งจะเป็นต้นทุนโดยเฉพาะการเร่งผลิตในวิกฤตโรคระบาด ที่ต้องนำแพลตฟอร์มดิจิทัลและ 5G มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_webp,q_glossy,ret_img,w_1024,h_683/https://thaiinnovation.center/wp-content/uploads/2021/12/9baf73efc2c8af61c5473a7e9df3dc1180a93f81b979aecabbc3a7ab71b6a4e0-1024x683.jpeg)
ดังนั้น โซลูชัน 5G ที่สามารถรับส่งข้อมูลได้แบบเรียลไทม์และแม่นยำ จะมาตอบโจทย์การเป็นโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) เรื่องควบคุมอัตโนมัติและเซ็นเซอร์ ในรูปแบบ Internet of Things (IoT) ที่สามารถพัฒนาสู่ IoTอื่นๆ ร่วมกัน และสามารถนำดาต้าส่งเข้าระบบคลาวด์และจะนำมาวิเคราะห์ (Data Analytics) และรองรับ Big data เพื่อพัฒนาสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ สำหรับ AGV ของไดซินจะติดตั้งซิมดีแทคเพื่อส่งสัญญาณ 5G สู่แพลตฟอร์มในการใช้งานลำเลียงชิ้นส่วนเข้าสู่แต่ละกระบวนการผลิตอย่างแม่นยำ ไม่ต้องใช้คนมาเฝ้าระวังในการจอดเสีย หรือการสูญเสียเวลา
ระบบติดตามตำแหน่งที่ใช้ในความร่วมมือนี้ เป็นผลงานวิจัยของทีมวิจัยระบบระบุตำแหน่งและบ่งชี้อัตโนมัติ (LAI) เนคเทค สวทช.ที่มีชื่อเรียกว่า แพลตฟอร์ม “อยู่ไหน” ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ เพื่อส่งข้อมูลตำแหน่งปัจจุบันและสถานะการทำงานของรถ AGV ผ่านเครือข่าย 5G ของทางดีแทคไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแพลตฟอร์ม ในรูปแบบ Internet of Things (IoT) ที่นำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของ AGV เชื่อมโยงหรือส่งข้อมูลผ่าน 5G ทำให้ทีมงานไดซินสามารถใช้งาน AGV ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และใช้ดาต้ามากำหนดจำนวนรอบการวิ่งในกระบวนการผลิต การควบคุมเวลา ผ่านทางเครือข่าย 5G ของดีแทคได้
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_webp,q_glossy,ret_img,w_768,h_512/https://thaiinnovation.center/wp-content/uploads/2021/12/63a8e51cdcd0d2c0bae93dd365e7691efe54202491b671932bb7b98c17431e6e.jpeg)
ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ รองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ (เนคเทค สวทช.) กล่าวว่า “เราเล็งเห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยีเครือข่ายการสื่อสาร 5G ว่าเป็นเครื่องมือหนึ่งที่มีศักยภาพในการผลักดันอุตสาหกรรมไทยให้สามารถแข่งขันได้ดีขึ้น เราเล็งเห็นว่าภาคอุตสาหกรรมของประเทศมีความจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อก้าวไปสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 มิเช่นนั้นจะไม่สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก ซึ่งต้องนำเทคโนโลยีดิจิทัล อาทิ 5G, Internet of Things, Big Data, Artificial Intelligence มาใช้งาน ในช่วงเริ่มต้น ผู้ประกอบการอาจยังไม่มั่นใจในการลงทุนใช้เทคโนโลยี ทางเนคเทค สวทช. จึงร่วมกับพันธมิตร เช่น ดีแทค สนับสนุนการดำเนินงานเพื่อพิสูจน์ในภาคอุตสาหกรรมเห็นประโยชน์ และความคุ้มค่าของการลงทุนกับเทคโนโลยี และหวังว่าจะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมไปยังโรงงานอื่นๆ ในอุตสาหกรรมที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน สำหรับงบประมาณในการดำเนินการทดลอง 5G Use Case สำหรับโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) นี้ เนคเทค สวทช. ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.)”
นายกฤษณ์ ประพัทธศักดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “จากข้อมูลโดยวิจัยกรุงศรีในปี 2564-2565 คาดว่าการผลิตยานยนต์ในประเทศจะฟื้นตัวโดยเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3-4% ต่อปี ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์โลก การร่วมมือกับไดซิน และเนคเทค สวทช. ในครั้งนี้ เป็นการที่ดีแทค บิสิเนสนำเทคโนโลยี 5G ต่อยอดจากการใช้ระบบเครื่องจักรการผลิตที่มีอยู่เดิมด้วยการนำเครือข่าย การใช้ดาต้าเรียลไทม์ และพัฒนาไปสู่การใช้ปัญญาประดิษฐ์ พร้อมเทคโนโลยี 5G ที่เข้ามาช่วยในการจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาลในการวิเคราะห์ นำไปสู่นวัตกรรม การพัฒนาธุรกิจและเศรษฐกิจในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดย 5G Use case ที่ดีแทคได้มีโอกาสร่วมงานกับไดซินและเนคเทค สวทช. นี้ จะถูกพัฒนาเป็นโรงงานต้นแบบโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) เพื่อช่วยโรงงานอื่นๆ ในไทยได้พัฒนาต่อยอดต่อไป
Discussion about this post