สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ขานรับมาตรการกระทรวงสาธารณสุข “ป้องกันการติดเชื้อโควิดขั้นสูง” (Universal Prevention for COVID-19) หลังพบเชื้อโควิดดื้อภูมิ-กลายพันธุ์ในต่างประเทศ พร้อมเสนอใช้เทคโนโลยีซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ (Super Computer) ของมหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล (CMKL) เป็นกลไกหนึ่งบริหารประเทศในสถานการณ์โควิด ตอกย้ำด้วยผลสำเร็จงานวิจัย “เอไอคัดกรองสายพันธุ์ มิว” (C.1.2) หนุนทีมแพทย์เฝ้าระวังเชื้อประชิดไทย พบประสิทธิภาพตรวจถูกต้องกว่า 99% ใน 30 วินาที โดยเป็นผลมาจากการเรียนรู้เชิงลึกข้อมูลรหัสพันธุกรรม 13,457 ชุดข้อมูล จากคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_webp,q_glossy,ret_img,w_700,h_467/https://thaiinnovation.center/wp-content/uploads/2021/09/ศ.-ดร.สุชัชวีร์-สุวรรณสวัสดิ์-อธิการบดี-.jpg)
ศ. ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เปิดเผยว่า แม้นานาประเทศจะมีมาตรการเชิงรุกเพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 แต่ทั้งนี้ในปัจจุบันกลับพบว่า เชื้อโควิดมีความแข็งแรง สามารถหนีภูมิได้มากขึ้น ตลอดจนสามารถกลายพันธุ์ได้ในที่สุด ดังนั้น การมีเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง ‘ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์’ (Super Computer) เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง ทั้งด้านการประมวลผล พื้นที่จัดเก็บข้อมูล สัญญาณอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง การเทรนนิ่งเอไอ (AI Training) ฯลฯ เข้ามาช่วยเหลือในการพัฒนางานวิจัย เช่น เอไอตรวจโควิดกลายพันธุ์ ผ่านคลาวด์ เซิร์ฟเวอร์ (Cloud Server) ที่สามารถคัดกรองสายพันธุ์โควิด พร้อมระบุตำแหน่งที่พบได้อย่างแม่นยำใน 30 วินาที ที่ช่วยลดการใช้สูญเสียเวลาและทรัพยากรของทีมแพทย์ในการวิเคราะห์สายพันธุ์ ฯลฯ ซึ่งจะช่วยให้ไทยมีเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยบริหารจัดการระบบต่าง ๆ ได้อย่างมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด “ป้องกันการติดเชื้อโควิดขั้นสูง” (Universal Prevention for COVID-19) ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)
ทั้งนี้ สจล. มีข้อเสนอแนะว่าหากหน่วยงานภาครัฐ องค์กรภาคเอกชน นำเทคโนโลยีดังกล่าวที่ในปัจจุบันมีใช้แล้วที่ มหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล (CMKL) มหาวิทยาลัยชั้นนำด้าน AI Technology ระดับอาเซียน ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง สจล. กับ มหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน (Carnegie Mellon University) สถาบันการศึกษาที่เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ชั้นนำของโลก ประเทศสหรัฐอเมริกา ไปใช้ประโยชน์หรือบูรณาการร่วมกับบิ๊กเดต้า (Big Data) ที่เกี่ยวกับของการบริหารสถานการณ์โควิด การบริหารจัดการเพื่อลดการสูญเสียจากการดำเนินธุรกิจ/อุตสาหกรรม ฯลฯ ถือเป็นกระบวนการหนึ่งในการทดสอบเชิงวิจัย/เตรียมพร้อมระบบสาธารณสุข-การแพทย์ไทย ให้สามารถรับมือกับโรคอุบัติใหม่ได้ในอนาคต หรือกระทั่งในภาคธุรกิจจะมีส่วนช่วยลดต้นทุนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและคุณภาพสินค้าอย่างยั่งยืน
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_webp,q_glossy,ret_img,w_700,h_467/https://thaiinnovation.center/wp-content/uploads/2021/09/thumbnail_ภาพประกอบข่าวเพิ่มเติม-4.jpg)
ล่าสุด สจล. จึงได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการกับ มหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล (CMKL) และ โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร (KMCH) เพื่อผลักดันเทคโนโลยี ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ ในการขับเคลื่อนประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานด้าน AI ในการวิจัย เช่น งานวิจัยด้านการแพทย์ ตลอดจนขยายผลวิจัย/นวัตกรรม สู่การผลักดันการใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจไทยได้ในอนาคต
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_webp,q_glossy,ret_img,w_700,h_466/https://thaiinnovation.center/wp-content/uploads/2021/09/thumbnail_รศ.-ดร.สุพันธุ์-ตั้งจิตกุศลมั่น-อธิการบดีมหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล-CMKL.jpg)
รศ. ดร.สุพันธุ์ ตั้งจิตกุศลมั่น อธิการบดีมหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล (CMKL) กล่าวต่อว่า Super Computer (Apex) นับเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่มีส่วนสำคัญ ในการช่วยนักวิจัยพัฒนา “งานวิจัยเชิงปัญญาประดิษฐ์” (Apex-Goliath) หรืองานวิจัยเชิงทดลองที่ช่วยให้นักวิจัยเห็นผลลัพธ์ในระยะสั้น เนื่องจากมีกระบวนการจัดเก็บข้อมูลและคอมพิวเตอร์คลัสเตอร์สำหรับปัญญาประดิษฐ์ ระบบคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง และการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ เช่น ช่วยให้นักวิจัยสามารถสร้างแบบจำลอง (Render) ขนาดใหญ่ได้ภายในครึ่งชั่วโมง จากปกติที่ต้องใช้เวลานานถึง 720 ชั่วโมง ฯลฯ โดยที่ผ่านมา เทคโนโลยีดังกล่าวได้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้คนและสิ่งแวดล้อมจำนวนมาก อาทิ “AI ตรวจโควิดกลายพันธุ์ ผ่าน Cloud Server” ที่ล่าสุดสามารถตรวจหาโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่ค้นพบแล้วในต่างประเทศได้สำเร็จ “AI คัดแยกขวดรีไซเคิล” ผู้ช่วยนักคัดแยกขวดแก้วเพื่อนำไปรีไซเคิล ที่ช่วยประหยัดเวลาในการคัดแยกขยะ พร้อมทั้งลดการเกิด Carbon Footprint ชั้นบรรยากาศ
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_webp,q_glossy,ret_img,w_631,h_1024/https://thaiinnovation.center/wp-content/uploads/2021/09/thumbnail_รศ.-ดร.ศิริเดช-บุญแสง-คณบดี-คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ-สจล.-631x1024-1.jpg)
รศ. ดร.ศิริเดช บุญแสง คณบดี คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ทีมวิจัย ได้เปิดตัวผลสำเร็จการพัฒนางานวิจัย “AI ตรวจโควิดกลายพันธุ์ ผ่านคลาวด์ เซิร์ฟเวอร์” (Cloud Server) หรือ “ปัญญาประดิษฐ์ ซีร่า คอร์” (CiRA CORE) ที่ได้รับความร่วมมือทางเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง “เอไอ ซุปเปอร์ คอมพิวเตอร์” (AI Super Computer) เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงโดยเฉพาะเทรนนิ่งเอไอ (AI Training) จากมหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล (CMKL) มหาวิทยาลัยชั้นนำด้านเทคโนโลยีเอไอ (AI Technology) ระดับอาเซียน เป็นผลให้ AI มีความสามารถในการแยกแยะตำแหน่งโควิดกลายพันธุ์ (VOC) และ บ่งชี้เชื้อโควิดกลายพันธุ์ได้หลายสายพันธุ์ได้อย่างถูกต้องถึง 99% ใน 30 วินาที อันเกิดจากกระบวนการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) ข้อมูลรหัสพันธุกรรมของเชื้อโควิดที่มีจีโนม
ทั้งนี้ กระบวนการทำงานของเอไอเพื่อตรวจหาสายพันธุ์ มี 3 ขั้นตอน ดังนี้ ‘Input Data’ นำเข้าข้อมูลสารพันธุกรรมทั้งหมด หรือจีโนมที่ได้ทั้งแบบเดี่ยว หรือแบบหลายจีโนมพร้อมกัน ‘Data processing’ ประมวลผลชุดข้อมูลโดย AI ที่ผ่านการเรียนรู้ชุดข้อมูลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ‘Output Data’ แสดงผลข้อมูลสารพันธุกรรมในลักษณะของชื่อสายพันธุ์ โดยหากตรวจพบเชื้อกลายพันธุ์จะแสดงผลเป็นสีแดง พร้อมแสดงตำแหน่งกลายพันธุ์ (VOCs) บนจีโนม กรณีที่ตรวจไม่พบเชื้อจะแสดงผลเป็นสีเทา โดยที่ล่าสุดจากความสามารถด้านการตรวจหาสายพันธุ์มิว ได้นั้น เป็นผลจากการได้รับการสนับสนุนชุดข้อมูลรหัสพันธุกรรมกว่า 13,457 ชุดข้อมูล จากคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ได้ทำการศึกษาวิจัยเพื่อเฝ้าระวังการเข้ามาของสายพันธุ์ดังกล่าว เนื่องจากพบข้อมูล ณ วันที่ 6 กันยายน 2564 ว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์มิว ในประเทศโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา และสเปน มากกว่า 6,091 ราย (covSPECTRUM (ethz.ch))
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_webp,q_glossy,ret_img,w_700,h_466/https://thaiinnovation.center/wp-content/uploads/2021/09/ศาสตราจารย์-นายแพทย์-อนันต์-ศรีเกียรติขจร-คณบดี-คณะแพทยศาสตร์.jpg)
ด้าน ศาสตราจารย์ นายแพทย์ อนันต์ ศรีเกียรติขจร คณบดี คณะแพทยศาสตร์ สจล. และประธานคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร (KMCH) กล่าวปิดท้ายว่า เทคโนโลยี AI ตรวจโควิดกลายพันธุ์ ผ่าน Cloud Server ในทางการแพทย์และสาธารณสุข นับได้ว่าเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีเชิงรุกและเชิงรับ ที่มีส่วนช่วยในการเฝ้าระวังของโควิดพันธุ์ใหม่ในสายพันธุ์ต่าง ๆ ตลอดจนสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ในการค้นหาผู้ติดเชื้อได้โดยสะดวกและรวดเร็วในอีกรูปแบบหนึ่ง ทั้งนี้ หากไทยสามารถดำเนินการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่แก่ประชาชนในประเทศโดยภาพรวมได้ ในสัดส่วนที่มากกว่า 70% ของประชากรทั้งหมด จะเป็นการป้องกันประเทศเข้าสู่โควิดระลอกที่ 5 ได้อย่างแน่นอน ขณะที่การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ของนักศึกษาและบุคลากร ตลอดจนกลุ่มคนที่ทำงานเพื่อสาธารณะในพื้นที่ สจล. และบริเวณใกล้เคียง ภายใต้นโยบายของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เพื่อเตรียมความพร้อมสถาบันฯ ให้สามารถเปิดทำการเรียนการสอนได้ปกตินั้น สามารถให้บริการวัคซีนโดยภาพรวมได้เป็นจำนวนรวม 67,585 โดส (ข้อมูล ณ วันที่ 23 กันยายน 2564)
ทั้งนี้ กิจกรรมลงนามความร่วมมือทางวิชาการระหว่าง มหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล (CMKL) สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KMITL) และ โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร (KMCH) จัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ สำนักหอสมุดกลาง สจล. ติดตามความเคลื่อนไหวกิจกรรมของ สจล. ได้ที่ www.facebook.com/kmitlofficial และ www.kmitl.ac.th
Discussion about this post