mailto:ads@thaiinnovation.center mailto:ads@thaiinnovation.center
THAI INNOVATION CENTER
  • HOME
  • ข่าวเทคโนโลยี
  • นวัตกรรมโดยคนไทย
    • นวัตกรรมอุตสหกรรม
    • นวัตกรรมพลังงาน
    • นวัตกรรมด้านเกษตร
    • นวัตกรรมด้านสุขภาพ
    • นวัตกรรมด้านขนส่ง
    • นวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อม
  • 5G ในประเทศไทย
    AIS-ZTE ทดสอบ URLLC โชว์ความหน่วงต่ำ 1 มิลลิวินาทีบนเครือข่าย 5G คลื่น 2.6 GHz รายแรกในไทย

    AIS-ZTE ทดสอบ URLLC โชว์ความหน่วงต่ำ 1 มิลลิวินาทีบนเครือข่าย 5G คลื่น 2.6 GHz รายแรกในไทย

    “อินเทล” ชวนปลดล็อก 4 ความเชื่อและความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับ 5G

    “อินเทล” ชวนปลดล็อก 4 ความเชื่อและความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับ 5G

    AIS พัฒนาความเร็วของ “5G mmWave” ได้ถึงระดับความเร็วที่ 4 Gbps รายแรกในไทย

    AIS พัฒนาความเร็วของ “5G mmWave” ได้ถึงระดับความเร็วที่ 4 Gbps รายแรกในไทย

    Ericsson พัฒนาโครงข่าย 5G ให้กับ DTAC

    Ericsson พัฒนาโครงข่าย 5G ให้กับ DTAC

    5G NR Physical Cell ID (PCI)

    5G NR Physical Cell ID (PCI)

    5G Network Slicing

    5G Network Slicing

    5G กับการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนไป

    5G กับการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนไป

    ตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพหลักของเทคโนโลยี 5G (KPI)

    ตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพหลักของเทคโนโลยี 5G (KPI)

    ส่วนประกอบสำหรับมือถือที่รองรับ 5G

    ส่วนประกอบสำหรับมือถือที่รองรับ 5G

    ในประเทศไทยใช้คลื่นอะไรบ้างสำหรับ5G

    ในประเทศไทยใช้คลื่นอะไรบ้างสำหรับ5G

  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
  • HOME
  • ข่าวเทคโนโลยี
  • นวัตกรรมโดยคนไทย
    • นวัตกรรมอุตสหกรรม
    • นวัตกรรมพลังงาน
    • นวัตกรรมด้านเกษตร
    • นวัตกรรมด้านสุขภาพ
    • นวัตกรรมด้านขนส่ง
    • นวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อม
  • 5G ในประเทศไทย
    AIS-ZTE ทดสอบ URLLC โชว์ความหน่วงต่ำ 1 มิลลิวินาทีบนเครือข่าย 5G คลื่น 2.6 GHz รายแรกในไทย

    AIS-ZTE ทดสอบ URLLC โชว์ความหน่วงต่ำ 1 มิลลิวินาทีบนเครือข่าย 5G คลื่น 2.6 GHz รายแรกในไทย

    “อินเทล” ชวนปลดล็อก 4 ความเชื่อและความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับ 5G

    “อินเทล” ชวนปลดล็อก 4 ความเชื่อและความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับ 5G

    AIS พัฒนาความเร็วของ “5G mmWave” ได้ถึงระดับความเร็วที่ 4 Gbps รายแรกในไทย

    AIS พัฒนาความเร็วของ “5G mmWave” ได้ถึงระดับความเร็วที่ 4 Gbps รายแรกในไทย

    Ericsson พัฒนาโครงข่าย 5G ให้กับ DTAC

    Ericsson พัฒนาโครงข่าย 5G ให้กับ DTAC

    5G NR Physical Cell ID (PCI)

    5G NR Physical Cell ID (PCI)

    5G Network Slicing

    5G Network Slicing

    5G กับการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนไป

    5G กับการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนไป

    ตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพหลักของเทคโนโลยี 5G (KPI)

    ตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพหลักของเทคโนโลยี 5G (KPI)

    ส่วนประกอบสำหรับมือถือที่รองรับ 5G

    ส่วนประกอบสำหรับมือถือที่รองรับ 5G

    ในประเทศไทยใช้คลื่นอะไรบ้างสำหรับ5G

    ในประเทศไทยใช้คลื่นอะไรบ้างสำหรับ5G

  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
TIC
No Result
View All Result
สวทช. พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับการเกษตรของคนไทย

สวทช. พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับการเกษตรของคนไทย

0

            ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ในด้านการเกษตร เพื่อช่วยให้คนไทยทำการเกษตรได้ผลดีตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ทั้งการเลือกปลูกพืชให้เหมาะสม ดูแลด้วยเทคโนโลยีอันชาญฉลาด กำจัดแมลงศัตรูพืชแบบรักษ์โลก และพาผลผลิตไปให้ถึงมือผู้บริโภคด้วยคุณภาพและรสชาติที่ดีที่สุด

              การปลูกพืชให้ได้ผลผลิตดี สิ่งสำคัญคือการเลือกปลูกให้เหมาะกับสภาพพื้นที่ ทั้งดิน น้ำ และอากาศ ซึ่งการจะเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดนี้ทำได้ง่ายๆ เพียงใช้ “Agri-Map Online” ที่พัฒนาโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สวทช. และหน่วยงานภาคี

            “Agri-Map Online” คือ ระบบแผนที่เชิงรุกแบบออนไลน์ เป็นโปรแกรมอำนวยความสะดวกการเข้าถึงข้อมูลภูมิสารสนเทศด้านการเกษตรด้วยเทคโนโลยี What 2 Grow เพื่อให้เกษตรกรและเจ้าหน้าที่สามารถบริหารจัดการพื้นที่เพาะปลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยระบบจะทำการวิเคราะห์ข้อมูลสภาพอากาศ ปริมาณน้ำฝน สภาพดิน และพืชเศรษฐกิจที่แนะนำให้เพาะปลูกในพื้นที่ ด้วยข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน รวมถึงการคาดการณ์อนาคต อีกทั้งยังมีข้อมูลด้านการตลาด แหล่งรับซื้อ และข้อมูลกลุ่มสหกรณ์การเกษตรในพื้นที่ให้เกษตรกรได้ใช้ประกอบการตัดสินใจ สำหรับการใช้งาน นอกจากจะสามารถใช้ Agri-Map Online ผ่านทางเว็บไซต์ http://agri-map-online.moac.go.th/ แล้ว นักวิจัยยังพัฒนา “Agri-Map Mobile” แอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน ซึ่งรองรับทั้งระบบ Android และ iOS ทำให้สามารถใช้งานได้สะดวกทุกที่และทุกเวลา

             ไม่เพียงมีแอปพลิเคชันช่วยเกษตรกรเลือกเพาะปลูกให้สอดคล้องกับพื้นที่และการตลาด สวทช. ยังร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ในการพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำการเกษตร อาทิ TAMIS ระบบสารสนเทศเพื่อการเกษตรแบบพกพา ใช้สำหรับบันทึกข้อมูลการตรวจสอบแปลงเกษตรโดยภาครัฐ และ FAARMis แอปพลิเคชันสนับสนุนการขึ้นทะเบียนเกษตรกรแบบเชิงรุก เป็นต้น

รายละเอียดเพิ่มเติม : https://bit.ly/3umt8nc

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Agri-Map Mobile ได้ผ่าน : Play Store (https://bit.ly/34eavav) และ App Store (https://apple.co/3fgdBkA)

Smart Farming พัฒนาการปลูกพืชด้วยเกษตรแม่นยำ

              เทรนด์การทำเกษตรยุคใหม่มาแรงในปัจจุบัน คือ การปลูกพืชด้วย “ระบบเกษตรแม่นยำ” หรือระบบการทำการเกษตรที่สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมให้เป็นไปตามความต้องการของพืชเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ สวทช. โดยสถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) ได้พัฒนา “โรงเรือนอัจฉริยะ หรือ SMART Greenhouse Knockdown Double Roof GH-1” นวัตกรรมโรงเรือนปลูกพืชที่สามารถควบคุมระบบการปลูกพืชผ่านสมาร์ตโฟน ช่วยให้ผลผลิตที่มีคุณภาพ และเกษตรกรทำงานได้สะดวกมากขึ้น

            จุดเด่นของโรงเรือนอัจฉริยะ คือเป็นโรงเรือนแบบน็อกดาวน์ สามารถขึ้นโครงและติดตั้งได้ในทุกพื้นที่ มีขนาดความกว้าง 6 เมตร ยาว 20 เมตร สูง 5.6 เมตร มีหลังคา 2 ชั้นพร้อมพัดลมระบายอากาศ และมีประตูกันแมลง 2 ชั้น เพื่อป้องกันการเล็ดรอดของแมลง การทำงานของโรงเรือนใช้เทคโนโลยีเซนเซอร์ในการตรวจวัดปัจจัยที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืช และควบคุมการทำงานด้วยเทคโนโลยีไอโอที (Internet of Things หรือ IoT) ผู้ใช้งานจึงสามารถตรวจสอบและควบคุมการทำงานของโรงเรือนได้สะดวกผ่านสมาร์ตโฟนหรือคอมพิวเตอร์ เซนเซอร์ที่ควบคุมการทำงานภายในโรงเรือนประกอบด้วย เซนเซอร์วัดความเข้มแสงควบคุมการทำงานของม่านพรางแสง เซนเซอร์วัดความชื้นดินควบคุมการทำงานของระบบน้ำหยด เซนเซอร์วัดความชื้นอากาศควบคุมการทำงานของระบบพ่นหมอก และเซนเซอร์วัดอุณหภูมิควบคุมการทำงานของพัดลมใต้หลังคา ข้อมูลการตรวจวัดและการทำงานทั้งหมดจะมีการบันทึกในระบบเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถนำมาใช้พัฒนาการปลูกให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จากการทดสอบปลูกเมลอนร่วมกับบริษัทเอกชนได้ผลประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีทั้งด้านปริมาณและคุณภาพของผลผลิต

             สำหรับเกษตรกรที่มีโรงเรือนอยู่แล้วสามารถทำฟาร์มอัจฉริยะได้ด้วยเทคโนโนโลยี “HandySense”​ ผลงานวิจัยพัฒนาโดยเนคเทค สวทช. เป็นระบบเกษตรแม่นยำที่นำเซนเซอร์ผนวกเข้ากับเทคโนโลยีไอโอที ทำให้สามารถตรวจวัดและควบคุมสภาพแวดล้อมการเพาะปลูกได้จากทางไกล ไม่ว่าจะเป็นการให้น้ำ ปุ๋ย การควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และปริมาณแสง

            ผู้ใช้งานสามารถดูข้อมูลสภาพแวดล้อมและสั่งการทำงานได้ง่ายผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนหรือ
คอมพิวเตอร์ และสามารถนำข้อมูลการทำงานทั้งหมดไปใช้ในการวิเคราะห์เพื่อวางแผนการเพาะปลูกรอบต่อไปให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จากการทดสอบใช้งานจริงพบว่า นอกจากผลผลิตที่ได้จะมีคุณภาพดีขึ้นแล้ว ปริมาณผลผลิตยังเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 20 รวมถึงใช้แรงงานลดลงเฉลี่ยร้อยละ 52

            ปัจจุบัน HandySense เตรียมเปิดพิมพ์เขียวให้ประชาชนนำไปใช้ทำการเกษตรด้วยระบบเกษตรอัจฉริยะโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ภายใต้แนวคิด “Smart Opening Innovation” หรือ “นวัตกรรมอัจฉริยะแบบเปิด” เพื่อเพิ่มโอกาสให้เกษตรกรไทยยุคใหม่ได้มีเครื่องมือที่ทันสมัยใช้งานในราคาที่จับต้องได้ หากคุณสนใจจองสิทธิ์การใช้งานได้ที่ https://bit.ly/3fg7yfO

รายละเอียดเพิ่มเติม

  1. โรงเรือนอัจฉริยะ (https://bit.ly/3gHGpDt)

  2. ‘โรงเรือนอัจฉริยะ’ ความหวังผลิตพืชอาหาร ในโลกยุคหลังโควิด (https://bit.ly/3vKNO9f)

  3. HandySense (https://handysense.io/)

โรงงานผลิตพืช นวัตกรรมปลูกผักอัจฉริยะ

            ด้วยปัจจุบันทั่วโลกต่างกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และการขาดแคลนพื้นที่การเพาะปลูก ทำให้มีการพัฒนานวัตกรรมการทำเกษตรรูปแบบใหม่ คือ “Plant Factory” หรือ “โรงงานผลิตพืช” ซึ่งศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. ได้จัดตั้งโรงงานผลิตพืช พื้นที่ขนาด 1,200 ตารางเมตรที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย โดยได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีโรงงานผลิตพืชด้วยแสงไฟเทียม หรือ Plant Factories with Artificial Lighting (PFALs) จากมหาวิทยาลัยชิบะ ประเทศญี่ปุ่น

             โรงงานผลิตพืชเป็นการปลูกพืชในห้องควบคุมระบบปิดหรือกึ่งปิดที่มีการควบคุมปัจจัยในการเจริญเติบโตของพืชทั้งหมด ทั้งชนิดของคลื่นแสง ความเข้มแสง อุณหภูมิ ความชื้น และแร่ธาตุ เพื่อให้ได้ผลผลิตและสารสำคัญตามต้องการ ที่สำคัญการปลูกพืชในชั้นปลูกสามารถปลูกซ้อนกันได้สูงสุดถึง 10 ชั้น ทำให้เพิ่มผลผลิตได้มากถึง 10 เท่า อีกทั้งการปลูกพืชในระบบปิดและมีระบบกรองอากาศทำให้ปราศจากเชื้อโรคและแมลง ไม่ต้องใช้สารเคมีปราบศัตรูพืช ทำให้ได้ผลผลิตที่ได้สะอาด ปลอดภัย ไม่มีสารตกค้าง เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสำหรับการผลิตพืชมูลค่าสูงนอกฤดูกาล และพืชสมุนไพรเพื่อใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ยา เวชสำอาง และอาหารเสริมสุขภาพ ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดโลก

             ทั้งนี้ไบโอเทค สวทช. ยังมีโรงงานผลิตพืชต้นแบบระดับชุมชนที่ตำบลนาราชควาย จังหวัดนครพนม เพื่อส่งเสริมและพัฒนาระบบการผลิตสมุนไพรของจังหวัด ให้สามารถผลิตวัตถุดิบคุณภาพสำหรับผลิตยาให้แก่โรงพยาบาลและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลของจังหวัด

รายละเอียดเพิ่มเติม : Plant Factory (https://bit.ly/2SrBywd)

วัสดุเพาะปลูกคุณภาพ เพิ่มผลผลิต ลดการสูญเสีย

            นอกจากการดูแลดิน น้ำ แสงสว่าง และอุณหภูมิให้เหมาะสมแล้ว อีกปัจจัยสำคัญที่มีผลอย่างมากต่อการเพาะปลูก คือ “วัสดุเสริมการเพาะปลูก” ได้แก่ ถุงปลูกพืช ถุงห่อผลไม้ และวัสดุคลุมดิน ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. พัฒนา “Magik Growth” วัสดุเสริมการเพาะปลูกชนิดนอนวูฟเวนชนิดสปันบอนด์ที่ขึ้นรูปด้วยสูตรเฉพาะ มีโครงสร้าง 3 มิติในลักษณะของเส้นใยที่สานกันไปมา ทำให้มีโครงสร้างแข็งแรงและมีรูพรุนช่วยถ่ายเทน้ำและอากาศได้ดี รวมทั้งยังคัดกรองช่วงแสงที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืชได้ ช่วยให้การปลูกได้ผลผลิตคุณภาพและมีปริมาณเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นยังสามารถใช้งานซ้ำเพื่อลดการสร้างขยะได้อีกด้วย

            ปัจจุบันมีการพัฒนา Magik Growth ไปใช้เป็นถุงปลูก เช่น ปลูกเมลอน พบว่าช่วยลดอัตราการสูญเสียเหลือเพียง 1 ใน 5 ช่วยเพิ่มผลผลิตร้อยละ 20-30 ส่วนถุงห่อผลไม้ มีการนำไปใช้ห่อผลไม้เศรษฐกิจ เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง กล้วยหอม และทุเรียน พบว่าช่วยให้ผลไม้มีผิวสวย ไม่มีรอยโรคและแมลง ผลผลิตมีคุณภาพดีขึ้น สามารถลดต้นทุนการใช้สารเคมี สุดท้ายคือถุงวัสดุคลุมดิน จากการทดลองใช้ปลูกสตรอว์เบอร์รี นอกจากจะให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นแล้ว ส่วนไหลที่ใช้ในการขยายพันธุ์ยังเจริญเติบโตได้ดีขึ้นด้วย

รายละเอียดเพิ่มเติม :

  1. Magik Growth นอนวูฟเวน เพื่อการเพาะปลูก (https://bit.ly/3cYu5fH)

  2. ถุงปลูก “Magik Growth” ใช้ซ้ำ นวัตกรรมรักษ์โลก (https://bit.ly/3cWvHGZ)

เติมปุ๋ยธาตุรองเสริมสู้โรค หยุดแมลงบุกด้วยสารชีวภัณฑ์

            ปัญหาหนึ่งที่ทำให้พืชไม่แข็งแรงทนทานต่อสภาพแวดล้อม โรค และการรุกรานของแมลง คือ การขาดธาตุอาหารรองเสริม อาทิ แคลเซียม แมกนีเซียม ซัลเฟอร์ เหล็ก และแมงกานีส ฯลฯ สาเหตุสำคัญมาจากธาตุอาหารรองเสริมที่มีจำหน่ายทั่วไปในท้องตลาดไม่มีการใช้เทคโนโลยีห่อหุ้ม ทำให้เมื่อธาตุอาหารเหล่านั้นไปสัมผัสกับค่า pH ที่ไม่เหมาะสมในน้ำหรือดินโดยตรงจะเกิดการตกตะกอน พืชดูดซึมไปใช้ได้ไม่เต็มที่ และส่วนที่เหลือตกค้างในดินยังก่อให้เกิดปัญหาดินเสื่อมสภาพอีกด้วย

             ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สวทช. พัฒนา “ปุ๋ยคีเลต (Plant micronutrient chelate fertilizer)” โดยใช้เทคโนโลยีคีเลชัน (Chelation) นำกรดอะมิโนมาเป็นตัวห่อหุ้มธาตุอาหารรองเสริม เพื่อป้องกันไม่ให้ธาตุอาหารรองเสริมมีการสัมผัสกับค่า pH ที่ไม่เหมาะสมในน้ำหรือดินโดยตรง จึงทำให้ปุ๋ยคีเลตละลายน้ำได้ดีไม่เกิดการตกตะกอน พืชสามารถดูดซึมธาตุอาหารไปใช้ได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้พืชแข็งแรงทนต่อโรคและการรุกรานของแมลง ที่สำคัญกรดอะมิโนที่นำมาห่อหุ้มยังเป็นสารอาหารที่ช่วยเร่งให้พืชมีการเจริญเติบโตดีขึ้นด้วย ปุ๋ยชนิดนี้เป็นปุ๋ยฉีดพ่นทางใบสามารถใช้ได้กับพืชทุกชนิดที่ต้องการธาตุอาหารรองเสริม ไม่มีสารเคมีที่เป็นพิษต่อเกษตรกรและสิ่งแวดล้อมเป็นส่วนประกอบ

             ปัจจุบันมีการนำปุ๋ยคีเลตไปใช้กับสวนทุเรียนแล้ว 5,000 ไร่ ใน 3 จังหวัด จากต้นทุเรียนที่เคยอ่อนแอ มีการเจริญเติบโตดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ช่วยเพิ่มผลผลิตทุเรียนต่อไร่มากถึงร้อยละ 20 และช่วยลดปริมาณการใช้ปุ๋ยและอาหารเสริมได้มากถึงร้อยละ 30 ทั้งนี้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่บริษัท เทค ซายน์ จำกัด และวางจำหน่ายภายใต้แบรนด์ “นาโนส (Nanose)”

            นอกจากนี้เพื่อต่อสู้กับแมลงร้ายที่นับวันจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ไบโอเทค สวทช. ยังได้วิจัยพัฒนาชีวภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช ซึ่งเป็นการควบคุมศัตรูพืชโดยชีววิธี หรือ Biocontrol ใช้จุลินทรีย์ที่มีในธรรมชาติควบคุมและกำจัดแมลงศัตรูพืชต่างๆ โดยมี 3 ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่มีการนำไปใช้งานจริงแล้ว คือ “ไวรัส NPV” (Nuclear Polyhedrosis Virus: NPV) ไวรัสสำหรับกำจัดหนอนกระทู้หอม หนอนเจาะสมอฝ้าย และหนอนกระทู้ผัก “ราบิวเวอเรีย” (Beauveria bassiana) เชื้อราสำหรับกำจัดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เพลี้ยแป้ง หนอนศัตรูพืช และแมลงปากกัดดูดทุกชนิด รวมถึงสามารถทำลายปลวก และมดคันไฟ

               สุดท้ายคือ “VipPro” ผลิตภัณฑ์จากโปรตีน Vip3A (Vegetative insecticidal protein) โปรตีนฆ่าหนอนแมลงในกลุ่มหนอนผีเสื้อและหนอนผีเสื้อกลางคืน ซึ่งเป็นแมลงศัตรูหลักของพืชเกือบทุกชนิด ผลิตภัณฑ์ออกฤทธิ์เร็วสามารถทำให้แมลงหยุดกินอาหารใน 1 ชั่วโมง ช่วยลดความเสียหายและรอยตำหนิบนใบพืชได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังออกฤทธิ์เสริมกับชีวภัณฑ์อื่นๆ เช่น ไวรัสเอ็นพีวี และราบิวเวอเรีย ทำให้ลดปริมาณการใช้ชีวภัณฑ์เหล่านั้นได้อย่างน้อยสิบเท่า และยังสามารถใช้กับแมลงที่ดื้อต่อสารเคมีหรือดื้อต่อโปรตีนผลึกได้อีกด้วย ผลการทดสอบพบว่า VipPro สามารถควบคุมแมลงศัตรูพืชได้ดีมากในทุกแปลงทดสอบ และมีปริมาณผลผลิตที่ได้เทียบเท่าการกำจัดแมลงด้วยสารเคมี

             นอกจากผลิตภัณฑ์ชีวภัณฑ์กำจัดศัตรูพืชทั้ง 3 ชนิด จะสามารถกำจัดศัตรูของพืชเศรษฐกิจไทยได้เป็นอย่างดีแล้ว ผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 ยังมีความปลอดภัยในการใช้งานสูง ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ สัตว์ และสิ่งแวดล้อม

รายละเอียดเพิ่มเติม

  1. นวัตกรรมปุ๋ยคีเลต สำหรับพืชไร้ดินและพืชทั่วไป (https://bit.ly/2Pwl5Gg)

  2. นวัตกรรมปุ๋ยคีเลต เพิ่มผลผลิตสวนทุเรียน ลดต้นทุน 20-30% เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม(https://bit.ly/3xAbIWq)

  3. นาโนเทค สวทช. ตอบโจทย์ BCG ส่ง ‘นวัตกรรมปุ๋ยคีเลต’ ลงสวนทุเรียน จังหวัดระยอง (https://bit.ly/3aH6cbA)

  4. ไวรัส NPV (https://bit.ly/3ujjJwH)

  5. ราบิวเวอเรีย (https://bit.ly/3ugzogb)

  6. VipPro (https://bit.ly/3fgyP1D)

ถนอมรสชาติยืดอายุผลผลิตด้วยบรรจุภัณฑ์คุณภาพ

             เมื่อถึงช่วงเก็บเกี่ยวและนำออกจำหน่าย คงไม่ดีแน่ถ้าผลิตภัณฑ์มีอายุการวางจำหน่าย (Shelf life) สั้น เพราะนั่นเป็นการตัดโอกาสการวางขายในร้านค้าชั้นนำหรือส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ เอ็มเทค สวทช. พัฒนา “ActivePAKTM” หรือ “ถุงหายใจได้” นวัตกรรมการขึ้นรูปฟิล์มบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติยอมให้ก๊าซออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ซึมผ่านเข้าออกได้ดี สอดคล้องกับอัตราการหายใจของผักและผลไม้สดที่บรรจุอยู่ภายใน ช่วยชะลอการเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพ ยืดอายุการเก็บรักษาผักผลไม้สดให้นานขึ้น 2-5 เท่า โดยคงคุณภาพและรสชาติที่ดี นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ยังมีลักษณะใส ไม่เกิดฝ้า ทำให้ผู้บริโภคสามารถมองเห็นสินค้าได้ชัด สร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพ และช่วยให้ตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น

              ปัจจุบันจาก ActivePAKTM  ได้มีการพัฒนาต่อยอดเป็น “ActivePAKTM Ultra” สำหรับผลิตผลสดที่มีอัตราการหายใจสูง เช่น หน่อไม้ฝรั่งและเห็ด ซึ่งมักเน่าเสียอย่างรวดเร็วภายหลังการเก็บเกี่ยว ทำให้ยากต่อการกระจายสินค้าเพื่อจำหน่าย โดย ActivePAKTM Ultra จะช่วยให้ผลิตผลสดมีอัตราการหายใจลดต่ำลง สามารถยืดความสดได้นานถึง 9 วัน ที่อุณหภูมิ 4-8 องศาเซลเซียส จากเดิมเก็บได้เพียง 3 วันเท่านั้น

รายละเอียดเพิ่มเติม

  1. ActivePAKTM (https://bit.ly/3vlbhhZ)

  2. ActivePAKTM Ultra (https://bit.ly/3vpByvG)

             ทั้งหมดที่กล่าวถึงนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ สวทช. พัฒนาขึ้นเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตด้านการเกษตรให้แก่คนไทยตลอด 30 ปี สอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจบีซีจี (BCG Economy Model) ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ ที่มุ่งใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียกระดับการทำการเกษตรให้มีประสิทธิภาพ สร้างมูลค่าเพิ่ม ลดการสร้างของเสีย และใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า รวมถึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หากสนใจเทคโนโลยีการเกษตรอื่นๆ เพิ่มเติม สามารถติดตามได้ที่หนังสือ 3 ทศวรรษ สวทช. กับการขับเคลื่อนประเทศด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เล่มเกษตรและอาหาร (https://bit.ly/2SrBywd)

ที่มา :  nstda

Share1Tweet1Share
Previous Post

เภสัชฯ ม.รังสิต วิจัยพัฒนาผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์

Next Post

จาก “ใยกัญชง” สู่อุตสาหกรรมอวกาศและการบิน

Wanwisa Chanpraprai

Wanwisa Chanpraprai

Related Posts

ชุดทดสอบสารปนเปื้อนยาฆ่าแมลงในน้ำ นวัตกรรมเพื่อเกษตรยั่งยืนและปลอดภัย
นวัตกรรมด้านเกษตร

ชุดทดสอบสารปนเปื้อนยาฆ่าแมลงในน้ำ นวัตกรรมเพื่อเกษตรยั่งยืนและปลอดภัย

3 months ago
23
นวัตกรรมหอมแดงอบแห้งพร้อมใช้ พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มนำส่วนเหลือทิ้งผลิตเครื่องสำอางและเวชภัณฑ์
นวัตกรรมด้านอุตสาหกรรม

นวัตกรรมหอมแดงอบแห้งพร้อมใช้ พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มนำส่วนเหลือทิ้งผลิตเครื่องสำอางและเวชภัณฑ์

3 months ago
18
แผ่นยางพาราปูคอกสัตว์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของโคนม
นวัตกรรมด้านเกษตร

แผ่นยางพาราปูคอกสัตว์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของโคนม

3 months ago
16
เพิ่มคุณภาพ “ลิ้นจี่พันธุ์ค่อม” ด้วยนวัตกรรมฮอร์โมนเพิ่มดอกเพศผู้
นวัตกรรมด้านเกษตร

เพิ่มคุณภาพ “ลิ้นจี่พันธุ์ค่อม” ด้วยนวัตกรรมฮอร์โมนเพิ่มดอกเพศผู้

3 months ago
8
Load More
Next Post
จาก “ใยกัญชง” สู่อุตสาหกรรมอวกาศและการบิน

จาก "ใยกัญชง" สู่อุตสาหกรรมอวกาศและการบิน

นวัตกรรมจุฬาฯ “Cure Air Sure”  หน้ากากกรองฝุ่นพิษและเชื้อโรค

นวัตกรรมจุฬาฯ “Cure Air Sure” หน้ากากกรองฝุ่นพิษและเชื้อโรค

Discussion about this post

Popular Post

  • Z-SIZE LADIES

    Z-SIZE LADIES II: BMI TIMELINE & โปรแกรมจําลองรูปร่างของสตรี แบบ 3 มิติ

    63 shares
    Share 25 Tweet 16
  • Thai School Lunch ระบบแนะนำเมนูอาหารเที่ยงสำหรับโรงเรียนแบบอัตโนมัติ

    60 shares
    Share 24 Tweet 15
  • 15 คำศัพท์เทคโนโลยี 2020 ! TECH BUZZWORDS

    56 shares
    Share 22 Tweet 14
  • ความแตกต่างของ Stand Alone และ Non-Standalone 5G

    53 shares
    Share 21 Tweet 13
  • รู้หรือยัง iPhone ก็มี Code ลับ สำหรับดูสัญญาณโทรศัพท์

    50 shares
    Share 20 Tweet 13

Browse by Tag

Innovation นวัตกรรมการเกษตร

ระบบตรวจจับ และแจ้งเตือนช้างป่า “ดูแล”

May 25, 2023
90

เครื่องจมูกอิเล็กทรอนิกส์ นวัตกรรมตรวจวิเคราะห์กลิ่นดิจิทัลฝีมือคนไทย

February 23, 2023
31

ชุดทดสอบสารปนเปื้อนยาฆ่าแมลงในน้ำ นวัตกรรมเพื่อเกษตรยั่งยืนและปลอดภัย

February 22, 2023
23

SCG จับมือ SC ดันนวัตกรรมเติมอากาศดีให้บ้าน ผลักดันยอดขาย 100 ล้านบาท

February 22, 2023
30

นวัตกรรมหอมแดงอบแห้งพร้อมใช้ พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มนำส่วนเหลือทิ้งผลิตเครื่องสำอางและเวชภัณฑ์

February 21, 2023
18
No Result
View All Result
  • HOME
  • ข่าวเทคโนโลยี
  • นวัตกรรมโดยคนไทย
    • นวัตกรรมอุตสหกรรม
    • นวัตกรรมพลังงาน
    • นวัตกรรมด้านเกษตร
    • นวัตกรรมด้านสุขภาพ
    • นวัตกรรมด้านขนส่ง
    • นวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อม
  • 5G ในประเทศไทย
  • ติดต่อเรา

© 2020 TIC - ศูนย์รวมนวัตกรรมคนไทยเพื่อคนไทย by Thai innovation TIC.