คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมพริกแต่ละชนิดถึงมีความเผ็ดที่แตกต่างกัน หรือแม้กระทั่งพริกชนิดเดียวกัน ถ้าปลูกต่างกัน สิ่งแวดล้อมต่างกัน ดินต่างกัน ระดับความเผ็ดก็ไม่เท่ากัน นั่นเป็นเพราะว่าในพริกแต่ละชนิดมีสารให้ความเผ็ดที่มีชื่อว่า สารแคปไซซิน (Capsaicin) ไม่เท่ากันนั่นเอง ซึ่งปัจุบันทีมนักวิจัยคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(ม.อ.) ได้วิจัยและพัฒนา “เครื่องวัดสารให้ความเผ็ดในพริกแบบพกพา” ที่มีชื่อว่า Chilica-Pod ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ใช้ตรวจปริมาณสารแคปไซซิน (Capsaicin) ที่อยู่ในพริกทุกชนิด โดยสามารถวัดความเข้มข้นได้ถึง 0.37 μM ในตัวอย่างที่เจือจาง มีความแม่นยำสูง ราคาถูก ใช้งานง่ายเชื่อมต่อบนสมาร์ทโฟน เพื่อช่วยยกระดับอุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมยาและเฮลธ์เทค (Healthtech) ของประเทศไทย
Chilica-Pod เป็นผลงานในของรองศาสตราจารย์ ดร.วรากร ลิ่มบุตร นายอัสมี สอและ นางสาวกัสริน สายสหัส นายเกียรติศักดิ์ พรหมสุวรรณ์ รองศาสตราจารย์ ดร.เพริศพิชญ์ คณาธารณา และ รองศาสตราจารย์ ดร.ปณต ถาวรังกูร คณะวิทยาศาสตร์ ม.อ. เป็นเครื่องตรวจวัดปริมาณแคปไซซินที่อยู่ในพริก ซึ่งสารชนิดนี้จะทำเส้นประสาทของเราส่งสัญญาณเดียวกันนี้ไปยังสมอง คุณจึงรู้สึกเหมือนมีอะไรที่ร้อนๆในปาก ซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นผลดีต่อคนที่ไม่รับประทานเผ็ด โดยคนที่แพ้แคปไซซิน อย่างรุนแรง อาจมีแผลพุพองในคอ อาเจียน และแม้กระทั่งอาการช็อกถ้ามีอาการแพ้อย่างรุนแรง แต่ในอีกมุมหนึ่ง แคปไซซินในพริก ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการรวมถึงฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่นต่อต้านสารก่อมะเร็ง แต่ต้องอยู่ปริมาณที่เหมาะสม
Chilica-Pod ถูกพัฒนาออกมาในรูปแบบอุปกรณ์พกพาที่ใช้กับสมาร์ทโฟน มีลักษณะเหมือนพริกเชื่อมต่อกับสมาร์ทด้วยช่อง USB-C ซึ่งการใช้งาน Chilica-Pod นั้นจะต้องนำพริกแห้งที่ต้องการทราบความเผ็ดมาผสมกับแอลกอฮอล์เพื่อให้สารแคปไซซินในพริกละลายออกมากับแอลกอฮอล์ จากนั้นเสียบแผ่นตรวจจับสารเคมีเข้ากับตัวเครื่อง แล้วนำสารละลายที่ได้ไปหยดบนแผ่นตรวจจับสารเคมี สารแคปไซซินจะทำปฏิกิริยากับแผ่นตรวจจับสารเคมี เกิดเป็นกระแสไฟฟ้า ยิ่งมีแคปไซซินเป็นจำนวนมาก ก็จะทำให้เกิดกระแสไฟฟ้ามากขึ้น โดยทางม.อ.ได้พัฒนาแอปพลิเคชั่น Chilica-Pod ขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อรองรับกับผลการวิเคราะห์บนสมาร์ทโฟน ทำให้อ่านค่าความเผ็ดของพริกบนสมาร์ทโฟนได้ง่าย สะดวกและรวดเร็ว
นวัตกรรมนี้ เหมาะกับอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมยาที่ต้องการวัดปริมาณความเผ็ดของพริกก่อนนำไปใช้ประโยชน์ทางด้านต่างๆ รวมทั้งยังเป็นอุปกรณ์เฮลธ์เทค (Healthtech) เหมาะกับกลุ่มที่ต้องการดูแลสุขภาพด้วยนั่นเอง
ที่มา: bangkokbiznews
Discussion about this post