ธรรมชาติของวงจรชีวิตยุง มักแพร่พันธุ์ในบริเวณที่มีแหล่งน้ำชื้นแฉะ หรือที่มีน้ำขัง โดยภายในอาคารมักพบยุงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากในบริเวณที่มืดและอับชื้น
นายธีรวิทย์ ผ่านภูวงษ์ นักวิทยาศาสตร์ประจำภาควิชากีฏวิทยาการแพทย์ คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะนวัตกรผู้คิดค้นและพัฒนา “เครื่องดูดยุงชนิดโค้ง” ร่วมกับ ดร.รวีวรรณ ศรีสวัสดิ์ ซึ่งเป็นผลงานที่ได้รับสิทธิบัตรแล้ว ดำเนินการโดย สถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (iNT) มหาวิทยาลัยมหิดล คือ หนึ่งในความภาคภูมิใจของมหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะ “ปัญญาของแผ่นดิน” ผู้พยายามเอาชนะอุปสรรคในการควบคุมและกำจัด “ยุง” ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของการเกิดโรคเขตร้อนต่างๆ ของโลก
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_webp,q_glossy,ret_img,w_682,h_1024/https://thaiinnovation.center/wp-content/uploads/2022/10/S__113213460-682x1024.jpg)
ไม่ว่าจะเป็นโรคไข้เลือดออกเดงกี่ ไข้มาลาเรีย โรคเท้าช้าง โรคชิคุนกุนยา ไข้ซิก้า ฯลฯ ล้วนมียุงเป็นพาหะ และอาจส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วยรุนแรงจนถึงแก่ชีวิต
หนึ่งในวิธีการป้องกันโรค คือ การใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันยุงเพื่อลดความเสี่ยงจากยุงกัด ซึ่งต้องผ่านการทดสอบประสิทธิภาพก่อนวางจำหน่าย แต่ปัญหาสำคัญที่มักพบในการทดสอบผลิตภัณฑ์ป้องกันยุง คือ ข้อจำกัดในการดูดยุงออกจากที่แคบ หลังจากทดสอบผลิตภัณฑ์แล้ว
“เครื่องดูดยุงชนิดโค้ง” ที่คิดค้นและพัฒนาขึ้นนี้ ประกอบด้วย “ตัวเครื่อง” ที่ทำจากท่อพีวีซีชนิดหนา แต่มีน้ำหนักเบา และ “ท่อดูด” ที่ทำจากอะคริลิคชนิดใส โดยได้ออกแบบให้เป็นรูปทรงกระสวยที่มีส่วนปลายโค้งงอ ด้วยวัสดุต้นทุนต่ำภายในประเทศ เพื่อให้สามารถดูดยุงได้แม้ในที่แคบ รวมทั้งตัดปัญหาเรื่องการดูดขน เกล็ดปีกยุง และสารกำจัดแมลงเข้าสู่ร่างกาย
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_webp,q_glossy,ret_img,w_1024,h_682/https://thaiinnovation.center/wp-content/uploads/2022/10/S__113213462-1024x682.jpg)
แม้ปัจจุบัน “เครื่องดูดยุงชนิดโค้ง” จะมีการใช้ประโยชน์เพียงเพื่อการบริการทดสอบผลิตภัณฑ์การศึกษาวิจัยทางกีฏวิทยาการแพทย์ ในการประเมินประสิทธิภาพสารกำจัดแมลงของภาควิชากีฏวิทยาการแพทย์ คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดลเท่านั้น แต่ในอนาคตจะได้มีการขยายผลสู่เชิงพาณิชย์ ทั้งในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านต่อไป
ติดตามข่าวสารที่น่าสนใจจากมหาวิทยาลัยมหิดลได้ที่ www.mahidol.ac.th
Discussion about this post