เพื่อให้ทันกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี สิ่งที่สำคัญคือต้องตระหนักถึงอนาคตและแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในปี 2021 ซึ่งในปี 2020 นี้เป็นอีกปีที่คาดเดาได้ยาก แสดงให้เห็นว่าโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการระบาดของโรค COVID-19 ทำให้ผู้คนมีการเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตเพื่อรับมือกับภาวะปกติใหม่ (New normal) รวมถึงเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นการปรับตัวของมนุษย์.ที่เกิดขึ้นเร็วกว่าที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ในยุคดิจิทัลนี้ ใครที่รู้ทันเทคโนโลยีมากกว่ามักจะได้เปรียบกว่าคนอื่น มาดูเทรนด์เทคโนโลยีของปี 2021 เพื่อที่คุณจะได้เรียนรู้เอาไว้ และมันจะเป็นข้อได้เปรียบของคุณในการเตรียมตัวรับกับสิ่งใหม่ที่จะเข้ามาในปี 2021 นี้อย่างแน่นอน
1. Artificial Intelligence (AI) หรือ ปัญญาประดิษฐ์
แนวโน้วอันดับหนึ่งของเทคโนโลยีในปัจจุบันคือ Artificial Intelligence (AI) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ ที่เป็นเหมือนสมองที่แทรกอยู่ในเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อให้สิ่งเหล่านั้นสามารถทำงานวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างอัตโนมัติโดยไม่ต้องมีคนควบคุม
ซึ่งในปี 2020 ได้มีการระบาดของโรค COVID-19 AI จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค เนื่องจาก AI มีขั้นตอนที่สามารถเรียนรู้จากข้อมูลในอดีต โรงพยาบาลจึงได้นำ AI มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลจากสถิติการแสดงอาการและการฟื้นตัวของผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อวิเคราะห์วิธีการรักษาโรคระบาดใหม่นี้
AI จะกลายเป็นเครื่องมือที่มีค่ามากยิ่งขึ้นในการช่วยให้เราตีความและเข้าใจโลกรอบตัวเรา ปริมาณข้อมูลที่เรากำลังรวบรวมเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ อัตราการติดเชื้อ และความสำเร็จของมาตรการที่เราดำเนินการเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงธุรกิจต่างๆ ที่มีการนำ AI มาใช้วิเคราะห์และทำความเข้ารูปแบบพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป
2. Robotics, Drones, and Vehicle Automation
จากบทความ “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราได้เคยพบเห็นการนำหุ่นยนต์มาใช้ในการดูแลและช่วยเหลือสิ่งมีชีวิต และสิ่งเหล่านี้จะมีความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องมีการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในสังคมที่อยู่ในสภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากที่สุด” เพื่อความปลอดภัยของผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ พวกเขาจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ในขณะที่แต่ละประเทศกำลังเปิดกว้าง การปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ก็เพิ่มขึ้นและความเสี่ยงในการติดเชื้อของผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันต่ำก็มีมากขึ้น วิธีการเดียวที่จะกำจัดความเสี่ยงนี้คือการกำจัดการมีปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ให้ได้มากที่สุด นี่คือจุดที่หุ่นยนต์เข้ามา เป็นเรื่องที่น่าสนใจที่ฝหุ่นยนต์จะสามารถที่จะพัฒนาให้มนุษย์มีความสะดวกสบายได้หรือไม่
โดรนจะถูกใช้เพื่อส่งยา หรือ อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สำคัญ และทีมวิจัยได้ติดตั้งอัลกอริธึมหรือ Vision Sensor (คือ อุปกรณ์ ที่ใช้ในการถ่ายภาพวัตถุชิ้นงาน แล้วนำภาพมาวิเคราะ) มาวิคราะห์การเดินในพื้นที่สวนสาธารณะเพื่อระบุสถานที่ที่แออัดและมีความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไวรัสเพิ่มขึ้น
3. The As-A-Service Revolution
“As-a-service” คือการให้บริการต่างๆที่ทำงานบนระบบ Cloud ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละ platform เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถเข้าถึงโปรแกรมหรือเทคโนโลยีต่างๆได้ทุกที่ทุกเวลาเพียงแค่มีอินเตอร์เน็ต
As-a-service (aaS) ได้รับความนิยมจากองกรค์ต่างๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับระบบการทำงานมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย เนื่องจาก ในอดีตถ้าเราจะใช้ Software ต่างๆ จะต้องจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเพื่อติดตั้ง Software นั้นลงไปในเครื่องคอมพิวเตอร์หรือ Laptop ของเรา ซึ่งบาง Software มีราคาแพงเพราะมีค่า License โดยเฉพาะในระดับธุรกิจ แต่ในปัจจุบันได้มีการนำ aaS มาช่วยแก้ปัญหานี้ โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องติดตั้ง Software เหล่านั้นบนเครื่องอีกต่อไป เราสามารถใช้มันผ่านเว็บไซต์ได้เลย ทำให้ไม่ต้องลงทุนซื้อ Server ตัวราคาเป็นล้านตามมาด้วยค่าบำรุงรักษาอีกมาก ซึ่งอาจกระทบรายได้โดยรวมขององค์กรหรือบริษัทได้ เป็นต้น
เนื่องจากลักษณะของระบบ Cloud สามารถเพิ่มขีดความสามารถเพื่อตอบสนองความต้องการได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งในปี 2021 สิ่งนี้จะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ และทุกคนจะมีโอกาสเข้าถึงมากขึ้น
4. 5G and enhanced connectivity
เทคโนโลยี 5G ได้มีการพัฒนาและเริ่มใช้งานในหลายประเทศตั้งแต่ปี 2020 ซึ่ง 5G ทำให้มีการส่งข้อมูลได้เร็วยิ่งขึ้น อีกทั้ง 5G ไม่ได้จำกัดแค่มือถือเท่านั้น แต่รวมถึงอุปกรณ์ทุกชนิดที่เชื่อมอินเตอร์เน็ตได้ (Internet of Things หรือ IoT)
ถ้าเปรียบเสมือน 3G เป็นยุคเริ่มต้นที่มีการใช้อินเตอร์เน็ตและการส่งข้อมูลบนมือถือ 4G มีการพัฒนาไปสู่การสตรีมมิ่งวีดิโอและเพลง ส่วน 5G นั้นจะพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่มีความเร็วสูง ทำให้เข้าถึงข้อมูลขนาดใหญ่ได้แบบเรียลไทม์มากขึ้น
5. Extended Reality (XR) – Virtual and Augmented Reality (VR/AR)
เนื่องจากการระบาดของโรค COVID-19 ทำให้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมในการท่องเที่ยวมากขึ้น โดยเฉพาะ เทคโนโลยี Virtual and Augmented Reality ที่เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยสร้างภาพจำลองเสมือนจริงแบบ 360 องศา โดยที่ Virtual Reality (VR) ทำให้ผู้ใช้งานเข้าสู่โลกเสมือน เห็นสิ่งต่าง ๆ รอบตัวในมุมมองที่เปลี่ยนไป โดยไม่ต้องเดินทางไปไหน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ผสานระหว่างโลกจริงและความเสมือนจริง ส่วน Augmented Reality (AR) จะเพิ่มวัตถุเสมือนลงบนสภาพแวดล้อมจริงได้ โดยอาศัยการมองผ่านอุปกรณ์พกพาอย่างโทรศัพท์มือถือหรือแว่นตาชนิดพิเศษ
ส่วน “Extended Reality หรือ XR” เป็นการผสมผสานระหว่างศาสตร์ต่าง ๆ ของเทคโนโลยีอย่าง VR, AR และ MR* ที่ต่อยอดให้เหนือชั้นไปอีกขั้นด้วยการสร้างสิ่งจำลองที่ผู้ใช้งานสามารถมีปฏิสัมพันธ์ตอบโต้ได้ในสภาพแวดล้อมที่ผสานระหว่างโลกจริงและโลกเสมือนไว้ด้วยกัน โดยจะเชื่อมต่อข้อมูลแบบเรียลไทม์ด้วยสัญญาณอินเทอร์เน็ต และด้วยประสิทธิภาพอันไร้ขีดจำกัดของเทคโนโลยี XR นั้น ได้สร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ในการออกเดินทางด้วยการเชื่อมต่อเทคโนโลยีเข้ากับร่างกายของมนุษย์
Discussion about this post